เปิดมุมมอง ลองเที่ยว “บุรีรัมย์” ในมุมที่ยังไม่เปลี่ยนไป

0
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

พูดถึง ‘บุรีรัมย์’ เมื่อก่อน .. ชาวบ้านเขาจะบอกว่า เมืองนี้แห้งแล้งจนต้องตำน้ำกิน! แต่ถ้าพูดถึง ‘บุรีรัมย์’ ในทุกวันนี้ .. โอ้โห! หลายคนคงนึกภาพกันไม่ออกเลยว่าจังหวัดนี้เคยแร้นแค้นได้ขนาดไหนหน๊อ เพราะปัจจุบัน บุรีรัมย์กลายเป็นจังหวัดที่มีความเจริญและมีชื่อเสียงติดอันดับต้นๆ ของประเทศไทย จนอาจกล่าวได้ว่า บุรีรัมย์ เป็นเมืองที่โมสะเดิ้นที่สุดในอีสานแล้วเด้อออ เพราะมีทั้ง สโมสรฟุตบอลยิ่งใหญ่ระดับประเทศ อย่าง Buriram United ไหนจะมีสนามแข่งรถคุณภาพระดับมาตรฐานโลก อย่าง ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ที่พอถึงช่วงเทศกาลแข่งรถทีไร โรงแรมในบุรีรัมย์นี่เต็มเอียดแทบทุกโรงแรมไปเลยจ้า ฉะนั้นเราคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ณ วันนี้ บุรีรัมย์ ได้กลายมาเป็นไอคอนเมืองสปอร์ตระดับโลกของประเทศไทยไปแล้ว

เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

.. แต่หลังม่านความเจริญที่รุกคืบเข้ามาอย่างเต็มกำลัง ใครจะรู้บ้างว่า บุรีรัมย์ ยังคงมีธรรมชาติที่บริสุทธิ์สมบูรณ์ พร้อมด้วยชุมชนที่ใช้ชีวิตตามแบบฉบับวิถีดั้งเดิมอยู่ ยังคงมีบ้านไม้หลายหลังตั้งอยู่ริมฝั่งถนนเส้นเล็กที่ยังเปรอะเปื้อนมูลวัว มูลควาย .. ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ ณ ชุมชนเหล่านี้ ยังคงมี ‘น้ำใจ’ อย่างล้นเหลือที่พร้อมจะมอบให้แก่ผู้มาเยือนแบบเรา ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว เราเผลอหลงรักบุรีรัมย์ในมุมเล็กๆ เหล่านี้มากกว่าซะอีก

เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

ฉะนั้นทริปนี้ เราก็เลยอยากนำความรู้สึก ความทรงจำที่ได้มีโอกาสลองเปิดมุมมอง ไปเที่ยวสัมผัสจังหวัดบุรีรัมย์ในมุมดั้งเดิมที่ยังคงสะท้อนวิถีชีวิตที่แท้ของชาวบุรีรัมย์มาถ่ายทอดต่อ เผื่อวันใดเธอผ่านไปเที่ยวดูความเจริญของเมืองสปอร์ตระดับโลก อยากให้ลองแบ่งเวลาสักวันไปสัมผัสความน่ารักอบอุ่นของวิถีชุมชนตามเส้นทางของโครงการ OTOP นวัตวิถี ดูบ้าง เพราะสิ่งเหล่านี้แหละคือเสน่ห์ที่แท้จริงของคนไทยอีสานบ้านเฮาที่ไม่สามารถหาได้ที่ไหนอีกแล้วนอกจาก .. ประเทศไทย : )

ลงเรือน้อยลอยวน ไปเก็บบัว ชมตะวัน ที่ “บ้านม่วงทะเล”
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

บ้านม่วงทะเล เป็นชุมชนเล็กๆ ในอำเภอแคนดง ตั้งอยู่ทางฝั่งเหนือของตัวเมืองบุรีรัมย์ เป็นหมู่บ้านเล็กเล๊กกก ที่อยู่นอกถนนเส้นหลัก แต่พอได้ไปแล้วกลับรู้สึกคุ้มค่าและประทับใจมาก เพราะชุมชนแห่งนี้ยังคงไว้ซึ่งวิถีชีวิตดั้งเดิม ชนิดที่ไม่มีการปรุงแต่งใดๆ ทั้งสิ้น .. ชาวบ้านส่วนใหญ่ดำรงชีพด้วยการทำนา หาปลา และเลี้ยงควาย อารมณ์ประมาณว่า เช้ามา ผู้บ่าวก็จะออกจากบ้านไปหาปลา ส่วนผู้สาวก็นั่งรออยู่ที่บ้านเพื่อนำปลามาทำกับข้าวกินกัน นับเป็นวิถีที่เรียบง่ายแต่น่ารักมากกกกก ซึ่งถ้าใครอยากสัมผัสวิถีชีวิตอบอุ่นแบบนี้ ที่นี่ก็มีโฮมสเตย์ไว้รองรับนักท่องเที่ยวด้วย ที่สำคัญ บ้านม่วงทะเลแห่งนี้ เพิ่งเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ไม่นานมานี่เอง ฉะนั้นสิ่งที่เธอจะได้สัมผัสคือสิ่งที่โคตรเรียลและบริสุทธิ์ดั้งเดิมอย่างแท้ทรู

เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
ถนนหนทางในหมู่บ้านมีร่องรอยมูลควายอยู่เป็นระยะ เพราะเป็นเส้นทางที่ชาวนำควายเดินไปปล่อยกินหญ้าทุกวัน ชาวบ้านถามเราว่า “ไม่รู้ว่ามันดูไม่สะอาดในสายตานักท่องเที่ยวหรือเปล่า แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะมันเป็นสิ่งที่เราต้องทำกันทุกวัน” .. เราเลยตอบกลับว่า “ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ ไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอะไร เพราะสิ่งเหล่านี้แหละคือสิ่งที่สะท้อนวิถีชีวิตของคนบ้านม่วงทะเลได้ดีที่สุด และเป็นสิ่งที่เราออกเดินทางไกลมาเพื่อสัมผัส นี่แหละคือการท่องเที่ยวแนววิถีชุมชนที่แท้จริง : ) ..”
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

ส่วนตัวเรามีโอกาสไปเที่ยวแบบไม่ได้นอนพักค้างโฮมสเตย์ยังโคตรประทับใจ จากที่เคยเผื่อเวลาไว้แค่ 1-2 ชั่วโมง กลายเป็นเผลออยู่ที่นี่จนถึงเย็นย่ำเลยทีเดียว เพราะได้ชาวบ้านพาแว๊นซาเล้งเที่ยวซะรอบ ทั้งพาไปไหว้พระที่ วัดสว่างแคนทะเล แหล่งศูนย์รวมจิตใจของชาวม่วงทะเล ซึ่งภายในวัดมีศาลาปฏิบัติธรรมที่สร้างขึ้นโดยใช้ไม้ตะเคียนทั้งต้นมาทำเป็นเสาทุกต้นเลย

เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
ที่วัด .. เรามีโอกาสได้เจอคุณลุงนักเล่าเรื่องชุมชนที่เป็นคนตลกมาก ปล่อยมุขได้หน้าตายและฮาสุดๆ 555 .. แกเล่าให้ฟังว่า แคนดง ภาษาอีสานแปลว่า ดงตะเคียน (แคน แปลว่า ตะเคียน) ฉะนั้นที่นี่จึงเป็นพื้นที่ที่มีต้นตะเคียนมากเป็นอันดับต้นๆ ของบุรีรัมย์เลยทีเดียว
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจมากของบ้านม่วงทะเลคือ กุดทะเลสวน แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามและมีความพิเศษตรงที่สถานที่แห่งนี้เป็น ‘ครัว’ ของชาวม่วงทะเลโดยแท้จริง เพราะผู้บ่าวทั้งหลายจะมาหาปลาจากกุดทะเลสวนไปให้ผู้สาวทำกับข้าวนั่นเอง ส่วนนักท่องเที่ยวอย่างเรา นอกจากถ่ายรูป ชมวิวสวยๆ แล้ว ก็สามารถลงเรือน้อยลอยวน ไปเก็บบัว หรือชมบรรยากาศแสงสุดท้ายของกุดทะเลสวนได้ ขอบอกว่าบรรยากาศชิลเวอร์ ยิ่งช่วงปลายปี อากาศดีๆ มันจะอยากอยู่แต่ที่นี่ ไม่อยากไปไหนเลย

เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
คนที่พายเรือพาเที่ยวก็ไม่ใช่ใครที่ไหน .. ผู้ใหญ่บ้านแห่งชุมชนม่วงทะเลนี่แหละจ้า
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
ผู้ใหญ่บ้านบอกว่า บัวในสระนี่เป็นบัวที่ขึ้นตามธรรมชาติ ชาวบ้านชอบพายเรือมาเด็ดแล้วกินเม็ดบัวกันสดๆ เลย เราลองกินแล้วอร่อย มันๆ ดี
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

.. เอาจริงๆ นะ แค่มีธรรมชาติ ความเรียบง่าย และความจริงใจที่ได้รับจากชาวบ้าน คนกรุงฯ อย่างเฮาก็หลงเสน่ห์วิถีชุมชนจนอยากจะเก็บกระเป๋ามาอยู่ที่นี่อย่างถาวรแล้วจ้า ใครสนใจอยากไปสัมผัสความน่ารักอบอุ่นของชุมชนบ้านม่วงทะเล สามารถติดต่อไปหาผู้ใหญ่บ้านได้โดยตรงที่เบอร์ 093 – 3538129 (ผู้ใหญ่กฤษชัย) จะพักโฮมสเตย์สักคืน สองคืน หรือจะไปเที่ยวชมกุดทะเลหลวงแบบ One Day Trip ก็ได้เช่นกัน ชาวบ้านเขาพร้อมที่จะพาแว๊นซาเล้งเที่ยวเสมอเด้อพี่เด้อออ

เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

แผนที่บ้านม่วงทะเล

ตื่นตากับปรากฏการณ์ผึ้งทำรังนับร้อยบนต้นไทร ณ “บ้านผึ้งร้อยรัง”
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

เมื่อหมู่บ้านเล็กๆ ในอำเภอบ้านกรวด กลายเป็นที่รู้จักขึ้นมาจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่มีความแปลกแต่มหัศจรรย์อย่างยิ่ง เพราะบนต้นไทรอายุกว่าร้อยปี ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางชุมชนสายตรีพัฒนา 3 แห่งนี้ วันดีคืนดีก็มีผึ้งแห่มาทำรังอยู่บนต้นไทรนับร้อยรัง!

เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

โดยชาวบ้านเล่าว่าผึ้งที่มาทำรังนั้น อยู่ดีๆ ก็แห่กันมาเอง แล้วก็จะหวนวนกลับมาทำรังอยู่แบบนี้ทุกๆ ปี โดยจะเริ่มบินมาทำรังกันในช่วงปลายปีจนเริ่มมากมายกลายเป็นสิบรัง ร้อยรัง ในช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ หลังจากนั้นชาวบ้านก็จะเก็บน้ำผึ้งมาผลิตเป็นสินค้าโอทอปหลายอย่างของชุมชน ซึ่งมีทีเด็ดคือน้ำผึ้งแท้จากต้นผึ้งร้อยรังนี่แล

เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
ของฝากน่ารักๆ ก็มีนะ
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

น่าเสียดายที่เราแวะมาช่วงเดือนตุลาคม เลยมีโอกาสได้เห็นอยู่ไม่กี่รัง แต่ฤดูกาลไม่ใช่ปัญหา! เพราะนอกจากไฮไลท์เด็ดอย่างการมาดูผึ้งร้อยรังบนต้นไทรแล้ว ที่ชุมชนสายตรีพัฒนา 3 หรือ บ้านผึ้งร้อยรังแห่งนี้ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งรอคอยให้คนรักธรรมชาติทั้งหลายเดินทางเข้ามาสัมผัส .. แอบกระซิบเอาไว้ว่า ด้วยความที่ยังคงเป็นชุมชนเล็กๆ และยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวในชุมชนนั้นเด็ดดวงกว่าที่อื่นใด เพราะเราจะได้เสพกลิ่นธรรมชาติที่ยังคงบริสุทธิ์อยู่มาก ไม่ว่าจะเป็น การนั่งชิลในกระท่อมริมน้ำที่ เขื่อนห้วยตาเขียว ซึ่งชาวบ้านบอกว่าสามารถมาตั้งเตนท์ นอนนับดาวได้ด้วยนา เห็นเขาบอกว่าช่วงวันฟ้าใสนี่เห็นทางช้างเผือกอย่างชัดเจนเลยทีเดียว

เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

นอกจากนี้ ระหว่างทางขับรถไปเขื่อนห้วยตาเขียว ยังผ่านสวนยางพาราที่เป็นอาชีพหลักของคนในชุมชน แต่กลับมีมุมเด็ดๆ ให้ถ่ายรูปเยอะมากกกก มีอุโมงค์ต้นยางที่โค้งเข้าหากันกลายเป็นเส้นนำสายตา ซึ่งโลเคชั่นแบบนี้ต้องเข้ามาเที่ยวในชุมชนบ้านผึ้งร้อยรังเท่านั้นนาจาถึงจะมีสิทธิ์ได้ภาพสวยๆ เพราะถ้าแค่ขับรถผ่านเฉยๆ คงไม่มีทางรู้แน่ว่าภายในสวนยางพาราแห่งนี้มีความสวยงามซุกซ่อนอยู่

เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
เห็นเขาเล่าว่า ช่วงต้นปี ใบไม้แถวนี้จะเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยนาจา น่าไปถ่ายรูปจริงๆ เลย
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
ภายในชุมชนมี ‘บ้านแกะสลักหินทราย’ งานฝีมือของปราชญ์ชาวบ้านที่เคยมีผลงานแกะสลักหินมาแล้วหลายชิ้น เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเยี่ยมได้ด้วยนะ สวยงามมากๆ
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

แน่นอนว่าที่นี่ก็มีโฮมสเตย์ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวเช่นกัน อยากมานอนค้างแล้วให้เขาจัดโปรแกรมพาเที่ยวด้วยก็ได้ หรือจะแวะเข้าไปดูความอลังการของต้นไทรผึ้งร้อยรังแล้วเที่ยวแบบ One Day Trip ก็ได้ แต่ไม่ว่าจะเที่ยวแบบไหน รับรองว่าจะต้องกลับบ้านไปแบบประทับใจแน่นอน เพราะชาวบ้านผึ้งร้อยรังน่ารักมากกก สนใจติดต่อโดยตรงไปที่ เบอร์โทรศัพท์ : 086 256 2950 หรือ 085 635 2994 Facebook : banphungroirang และ Line: banphungroirang ได้เลยจ้า

เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

แผนที่บ้านผึ้งร้อยรัง 

แวะไปชมแสงสุดท้าย ณ “อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง”
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

บุรีรัมย์ มีฉายาว่า ‘เมืองปราสาทสองยุค’ ฉะนั้นมาเยือนถิ่นปราสาทขอมโบราณทั้งที จะไม่แวะไปสัมผัสความยิ่งใหญ่อลังการของปราสาทพนมรุ้ง นี่ก็ต้องถือว่าพลาดสิ่งสำคัญไปแล้วแหละ เพราะขนาดคนที่ไม่ค่อยอินประวัติศาสตร์อย่างเรา ยังอดทึ่งในความตระการตาของปราสาทที่สร้างในรูปแบบศิลปะเขมรโบราณแห่งนี้ไม่ได้ เห็นแล้วไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงขนานนามกันว่า ปราสาทพนมรุ้ง เป็นหนึ่งในปราสาทที่งดงามที่สุด

เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

แนะนำให้ไปช่วงเย็นๆ ก่อนสิ้นแสงสุดท้ายนะ ช่วงนั้นคนจะน้อยกว่าตอนกลางวัน แถมอากาศยังไม่ร้อนมากด้วย .. ได้เก็บภาพความงดงามของแสงทองตอนเย็นๆ เราว่ามันเป็นภาพที่ทำให้รู้สึกสะกิดใจขึ้นมาได้เลยว่า เมืองไทยเองก็มีสถาปัตยกรรมโบราณที่งดงามจนแทบไม่ต้องเดินทางไปสัมผัสที่ไหนไกลเลย .. ไปเที่ยวเมืองไทยกันเยอะๆ นะ บ้านเรามีหลายมุมที่สวยงามจริงๆ : )

เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

แผนที่อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง

เช็คอิน “บ้านตาลอง” มองชุมชนตัวอย่าง เรียนรู้วิถีชีวิตพอเพียงที่แท้ทรู

เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

สิ่งที่สงสัยหมดไป .. หลังขับรถออกมาจาก บ้านตาลอง หนึ่งในชุมชน OTOP นวัตวิถีที่มีชื่อเสียงและนับเป็นชุมชนตัวอย่างจนมีหลายหน่วยงานทยอยกันมาเยี่ยมเยียนและจัดอบรมการเรียนรู้อยู่แทบไม่ขาดสาย

บ้านตาลอง ตอบคำถามที่เราเคยสงสัยถึงคำว่า ‘วิถีชีวิตพอเพียง’ ได้อย่างหมดจด เพราะชาวบ้านที่นี่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการดำเนินชีวิตด้วยการพึ่งพาตัวเอง รู้รัก และสามัคคี สานต่อความแข็งแกร่งของชุมชนจนกลายมาเป็นชุมชนตัวอย่างเฉกเช่นทุกวันนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารข้าว ที่ชาวบ้านช่วยกันบริจาคสตางค์เพื่อสร้างเป็นโรงสีของชุมชน รวมไปถึงมี ครัวเรือนต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง ที่เลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ เอาไว้แลกเปลี่ยนกินเองภายในชุมชน ซึ่งชาวบ้านเขาก็ยินดีเปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาศึกษาและเรียนรู้วิถีเหล่านี้ด้วยนะ

เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

อยากจะแวะมาเที่ยวแบบ One Day Trip ก็ได้ หรือจะมานอนค้างเพื่อซึมซับแนวคิดวิถีชีวิตพอเพียงอย่างเต็มอิ่ม ที่บ้านตาลองแห่งนี้เขาก็มีโฮมสเตย์ไว้ต้อนรับ มีโปรแกรมท่องเที่ยวเสร็จสรรพ ไม่ว่าจะเป็น เรียนรู้กระบวนการทอผ้าไหมย้อมสีธรรมชาติ ซึ่งนับเป็นสินค้าโอทอปขึ้นชื่อของชุมชน หรือจะศึกษาวิธีการทำมอมูล กระถางต้นไม้จากมูลสัตว์ธรรมชาติ ทางชุมชนบ้านตาลองก็พร้อมที่จะแบ่งปันความรู้ อยากลองสัมผัสดูก็ติดต่อโดยตรงไปที่ผู้ใหญ่บ้านธีรภาพ เบอร์โทรศัพท์ 086-1042078 ได้เลย

เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
ของฝากจากผ้าไหม น่ารักเวอร์ ><
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

แว่วมาว่าหมดฤดูเก็บเกี่ยวข้าวรอบนี้ เขาเตรียมสร้างสะพานไม้กลางทุ่งนาไว้เป็นแลนด์มาร์กเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ด้วย อ้อ ถ้ามีโอกาสเจอพี่เจ้าของบ้านจงรัมย์โฮมสเตย์ อย่าลืมอ้อนหวานๆ ให้พี่เขาขับรถไม้เช็คอินประจำบ้านตาลองพาเที่ยวด้วยนะ มันสิได้ฟีลลูกทุ่งแดนอีสานขาเลาะของแท้เลยละเด้อออ

เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

แผนที่บ้านตาลอง

ถ่ายรูปกับสะพานไม้กลางทุ่งนา กินข้าวเม่าลูกชิ้นทอด ที่ “บ้านโคกว่าน”

เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

อีกหนึ่งสิ่งที่ทริปอีสานเซอร์ไพรส์เราได้มากก็คือ ภาพที่เคยมองอีสานว่าแห้งแล้งกันดารนั้นมันโคตรไม่จริงเลย พอได้มาเที่ยวอีสานจริงๆ เรากลับพบเห็นทุ่งนาได้ตามสองฝั่งทางของถนนแทบทุกพื้นที่ ยิ่งช่วงที่เราไป ประมาณเดือนตุลาคม เป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยวด้วยแล้ว .. ทุ่งนาเนี่ยสวยสุดๆ รวงข้าวเหลืองทองอร่ามได้ที่ ได้แสงแดดตกกระทบมาทีนี่ทำเอาร้อง ว้าว! ไม่หยุดเลย

เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

ยิ่งเห็นจังหวัดอื่นๆ เขามีสะพานไม้กลางทุ่งนาสวยๆ ไฉนเลย มาถึงบุรีรัมย์ จังหวัดที่มีทุ่งนามากมายไม่แพ้ที่อื่นใด จะไม่แวะไปถ่ายรูปกับสะพานไม้กลางทุ่งนาก็เห็นทีจะกลับบ้านได้อย่างไม่สบายใจ เพราะไม่มีรูปสวยๆ เช็คอินลงอินสตาแกรม 555 .. ฉะนั้นถ้าใครอยากได้รูปคู่สะพานทุ่งนาก็ขอให้ตรงไปที่ บ้านโคกว่าน เลยนะ ที่นั่นก็มีสะพานไม้แลนด์มาร์กจัดไว้ให้เป็นมุมถ่ายรูปแจ่มๆ อยู่กลางทุ่งนา บรรยากาศชิลไม่แพ้ที่อื่นใด

เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

ทีเด็ดกว่านั้นคือสินค้าโอทอปของชุมชนอย่าง ข้าวเม่านางรอง ซึ่งอร่อยเด็ดจนสามารถสร้างชื่อ สร้างอาชีพให้กับชาวบ้านเขาได้ และเราขอแนะนำว่ามาถึงบ้านโคกว่านแล้วต้องห้ามพลาด! เขาเปิดบ้านขายกันอยู่ใกล้ๆ จุดเช็คอินสะพานไม้นั่นแล สามารถแวะไปหาซื้อกลับเป็นของฝากให้คนรู้จักได้ อ้อ มีไฮไลท์เด็ดที่ควรลอง คือ ข้าวเม่าลูกชิ้นทอด ไอเดียเก๋ๆ ของชาวโคกว่านที่นำข้าวเม่ามาปั้นเป็นก้อนกลมๆ เหมือนลูกชิ้น สอดไส้สัปปะรดหรือมะพร้าวแล้วนำไปทอดเสียบไม้ขาย โอ๊ยยยยยย อร่อยมากกก ถึงจะรู้ว่ากินหมดแล้วอ้วนแน่ แต่งานนี้เจ๊ยอมเลยจ้า

เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

แผนที่บ้านโคกว่าน

บุก “บ้านอุบลสามัคคี” เดินป่าศักดิ์สิทธิ์ ชิมกล้วยนักบิน สัมผัสถิ่นเกษตรกร

เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

ถ้าได้ลองขับรถเที่ยวจนทั่วจังหวัดบุรีรัมย์ เธอจะเห็นเลยว่า แต่ละอำเภอของบุรีรัมย์นั้นมีทิวทัศน์ที่แปลกตาแตกต่างกันไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งแถวอำเภอโนนสุวรรณ ซึ่งตั้งอยู่ติดอยู่กับจังหวัดนครราชสีมา พอเริ่มขับรถเข้าเขตนี้มา จากวิวทุ่งนากว้างสุดลูกหูลูกตาก็จะเปลี่ยนไป กลายเป็นสวนยาง สวนผัก ผลไม้ คล้ายจะบอกเราเป็นนัยๆ ว่าวิถีชีวิตของชาวบ้านแถวนี้คือ ‘เกษตรกร’

เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

แล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย .. หลังจากที่มีโอกาสได้เข้าไปนั่งพูดคุยกับผู้ใหญ่บ้านของชุมชนอุบลสามัคคีที่ตั้งอยู่ในอำเภอโนนสุวรรณ ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นคนจังหวัดอุบลที่ย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในพื้นที่ของบุรีรัมย์ตั้งแต่ก่อนสมัยสงครามอุดมการณ์ที่เขายิงกันตู้มต้ามข้ามจังหวัดไปมา โดยผู้ใหญ่เล่าว่าแต่ก่อนพื้นที่ตรงนี้เคยเป็นที่ที่ไม่มีใครต้องการ เพราะแห้งแล้ง แถมยังอยู่ในเขตสงคราม แต่วันนึงเกิดเหตุการณ์ ‘น้ำผุด’ ขึ้นมาทั่วบริเวณ ทำให้พื้นที่ที่เคยแห้งแล้งกลายมาเป็นแผ่นดินทอง! เพราะว่ากันว่าน้ำที่ผุดขึ้นมานั้นคือน้ำแร่ ส่งผลให้พื้นที่ตรงนี้ปลูกอะไรก็ขึ้นได้ขึ้นดี จนกลายเป็นที่มาของวดีเด็ดประจำชุมชนว่า “อุบลสามัคคี ปลูกด้วยฮัก คึดฮอดผู้กิน” นั่นเอง

เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
สินค้าโอทอปขึ้นชื่อของอุบลสามัคคี คือ ‘กล้วยนักบิน ถิ่นน้ำแร่’ ที่มาของก็ชื่อก็ง่ายดาย แค่เจ้าของสูตรแกเคยเป็นนักบิน พอถามว่าสายการบินไหน ผู้ใหญ่บ้านก็บอกว่า อ่อ แกเป็นนักบิณฑบาตรจ่ะ .. ตึ่งง 555
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

บ้านอุบลสามัคคี มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจคือ ป่าศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งภายในนั้นมี ‘ต้นพญาจะบก’ เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้ความนับถือ ซึ่งปกติแล้ว เขาจะมีกิจกรรมแรลลี่ป่าชุมชน พาบุกป่าผ่าดงไปผจญภัยกันแบบมันส์ๆ แต่เราแอบเข้าไปโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ผู้ใหญ่บ้านก็เลยพาเดินเข้าไปแทน ซึ่งความจริงแล้วก็ไม่ลึกมากหรอก แต่ด้วยความที่เป็นป่าทึบ ถ้าเข้ามาเองต้องหลงทางแน่ๆ แถมผู้ใหญ่บ้านยังเล่าประวัติของต้นพญาจะบกให้ฟังว่า สมัยก่อนเคยมีชาวบ้านพากันเข้าไปขอหวยแล้วเจอดี เพราะเคยมีผู้หญิงตายท้องกลมมาสิ้นลมอยู่แถวนั้น ฟังแล้วก็ยิ่งเพิ่มความเย็นยะเยือกให้กับป่าแห่งนี้เข้าไปใหญ่ แต่มาถึงถิ่นเกษตรกรอย่างบ้านอุบลสามัคคีแล้ว ถ้าได้เข้าไปไหว้ขอพรสักที เขาว่าจะโชคดีมีชัย ฉะนั้นถ้าใครอยากมาสัมผัสวิถีเกษตรอย่างแท้ทรู ลองติดต่อเข้าไปที่ชุมชนท่องเที่ยวของเขาได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ : 090 – 2363718 หรือ 099 – 9868992 Facebook : ubonsamakkee ที่นี่มีโฮมสเตย์หลายหลังเปิดไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยจ้า : )

เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com
เครดิตภาพ : www.movearound-journey.com

แผนที่บ้านอุบลสามัคคี

ขอบคุณภาพและข้อมูลรีวิวดีๆจาก : www.movearound-journey.com