บุรีรัมย์-แหล่งน้ำดิบแห้งขอด อบต.นำน้ำเติมถังผลิตประปา ช่วยชาวบ้านกว่า130เรือน
25 พฤษภาคม 2563 ถึงแม้ว่าจะเข้าสู่หน้าฝนแล้ว แต่ “กุดน้ำจั้น” ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 70 ไร่ เป็นแหล่งน้ำดิบที่ใช้สำหรับผลิตประปาหมู่บ้านสวายสอ ต.นิคม อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ยังมีสภาพแห้งขอดจนไม่สามารถสูบน้ำขึ้นไปผลิตประปาได้เกือบ 1 สัปดาห์แล้ว ล่าสุด ทางองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) นิคม ได้นำรถบรรทุกน้ำสะอาดที่ทำเรื่องประสานขอรับการสนับสนุนจากการประปาส่วนภูมิภาค ไปเติมใส่ถังน้ำดิบที่ใช้ในการผลิตประปาของหมู่บ้านวันละ 2 เที่ยวๆ ละ 6,000 ลิตร เพื่อทำการผลิตประปาส่งจ่ายในระบบบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านกว่า 130 ครัวเรือน ประชากรกว่า 600 คน ได้มีน้ำอุปโภคบริโภค แต่ก็เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าหรือในระยะสั้นเท่านั้น
ขณะที่ ทางสมาชิกสภา อบต. ผู้ใหญ่บ้าน กรรมการหมู่บ้าน และตัวแทนชาวบ้านก็ได้ออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้ามาสำรวจ เพื่อดำเนินการขุดลอกกุดน้ำจั้น ที่มีสภาพตื้นเขินมาหลาย 10 ปี ให้สามารถกักเก็บน้ำไว้ในในการผลิตประปา ปลูกพืชผักบริโภคและขายเป็นรายได้เลี้ยงครอบครัวให้ได้ตลอดทั้งปีด้วย
นายสมพร อนุกูล ผู้ใหญ่บ้านบ้านสวายสอ บอกว่า กุดน้ำจั้น เป็นแหล่งน้ำดิบสำคัญที่ใช้ในการผลิตประปาหล่อเลี้ยงชาวบ้านในหมู่บ้าน แต่ไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ผลิตประปาได้ตลอดทั้งปี เนื่องจากไม่เคยมีการขุดลอกทำให้มีสภาพตื้นเขินวัชพืชขึ้นปกคลุม โดยเฉพาะปีนี้ประสบปัญหาแล้งหนักกว่าทุกปี จนไม่สามารถสูบขึ้นไปทำประปาได้ ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนทางผู้นำหมู่บ้านจึงได้ทำเรื่องขอความช่วยเหลือจาก อบต.ซึ่งล่าสุดทาง อบต.ก็ได้นำน้ำมาเติมใส่ถังน้ำดิบเพื่อผลิตประปาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ที่ผ่านมาเคยทำเรื่องไปยังอำเภอ จังหวัด และนายกฯ ให้เข้ามาสำรวจขุดลอกกุดน้ำจั้นเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งระยะยาว แต่จนถึงขณะนี้เรื่องก็ยังเงียบ
ด้านนายบุญทัน แก้วกองนอก กรรมการหมู่บ้านสวายสอ บอกว่า กุดน้ำจั้น ดังกล่าวถือเป็นแหล่งน้ำสาธารณะสำคัญเพราะใช้ทั้งผลิตประปา ทำการเกษตร เลี้ยงสัตว์ และประมง แต่ก็ไม่สามารถใช้ได้ตลอดทั้งปี เพราะมีสภาพตื้นเขินไม่เคยทำการขุดลอก โดยเฉพาะปีนี้แล้งหนักมากจนไม่สามารถสูบขึ้นไปทำประปาได้ ก็อยากฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาสำรวจเพื่อขุดลอกกุดน้ำจั้นดังกล่าว ให้สามารถกัดเก็บน้ำได้ตลอดทั้งปี แต่หากไม่ทำการขุดลอกปีต่อไปก็จะประสบปัญหาซ้ำอีก
ขอบคุณภาพ/ข่าว จากแนวหน้า