เปิดเส้นทางดนตรี’ลำเพลิน วงศกร’หนุ่มบุรีรัมย์ความฝันไกลสู่นักร้องหมอลำยอดวิวสูงสุดแห่งปี
ดนตรีพาพลิกชีวิต “ลำเพลิน วงศกร” จากเด็กหนุ่มผู้พลาดหวังอกหักซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากการประกวดร้องเพลงในเวทีใหญ่ระดับประเทศมาแล้ว แต่กลับไม่ท้อ จนพลิกกลับมาเป็นศิลปินหมอลำรุ่นใหม่ที่ไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาฝีมือตัวเอง จนประสบความสำเร็จ ได้รับฉายา “หมอลำอปป้า” ที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ศิลปินที่มียอดวิวรวมสูงสุดใน youtube ของไทยในปี 2020 จากเพลง “รำคาญก็บอกกันเด้อ” ที่ยอดวิวสูงถึง 300 ล้านวิว รวมทั้งเพลงฮิตอย่าง “ห่อหมกฮวดเอาไปฝากป้า” ที่มียอดวิวถึง 200 ล้านวิว ส่งผลให้ชีวิตเปลี่ยนไป มีแฟนคลับให้การต้อนรับอย่างหนาแน่น ล่าสุดรายการ “เจาะใจ” เผยถึงเส้นทางที่ใฝ่ฝันแต่เมื่อได้มาเป็นนักร้องชื่อดังกลับค้นพบว่า การมีชีวิตเรียบง่ายเท่านั้นก็มีความสุขแล้ว โดย “ลำเพลิน” เปิดใจว่า
“ผมโตมากับคุณตาคุณยาย อยู่จังหวัดบุรีรัมย์ ตอนเด็ก ๆ ต้องช่วยคุณตากับคุณยายทำงานทุกอย่าง ผมเป็นเด็กเรียนไม่เก่ง แต่ชอบเล่นดนตรี จนไปสะดุดกับหนังเรื่องหนึ่งพ่อพระเอกพูดกับพระเอกว่า ดนตรีมันสามารถพาเราไปในที่ที่เราไม่เคยไป ได้ เห็นในสิ่งที่เราไม่เคยเห็น จากนั้นก็ทำให้ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่าอยากไปไหน พร้อมเชื่อว่าดนตรีมันจะทำให้เราได้รู้จักคนเยอะ และรู้สึกว่าเวลาได้ยินเสียงดนตรีแล้วเรามีความสุข เลยเริ่มไปเรียนดนตรีพื้นบ้านก่อน จากนั้นก็เริ่มไปเดินสายประกวด แต่ก็ผิดหวัง และคิดว่าเราไม่เหมาะกับการประกวด จึงไม่ไปไม่ ประกวดที่ไหนอีกเลย พร้อมกับคิดได้ว่าเราคงต้องหาโอกาสอื่น ๆ ในการทำเพลงเอง ต่อมาช่วงเรียน ปี 3 ผมได้ไปคัพเวอร์เพลงของพี่ก้อง ห้วยไร่ ก็อัดคลิปกันเล่นๆ คลิปแรกผมเพลงกับกีตาร์ ก็อัดและลงไปเรื่อย ๆ ก็จะมีคลิปหนึ่งที่มีคนดูเยอะที่สุด คือคลิปที่ร้องหมอลำ มีคนดูเกือบ ห้าแสนคน เดินไปไหนก็มีคนรู้จัก มีคนมาขอถ่ายรูป เป็นวินาทีที่มีความสุขมาก มีคนอยากรู้จักเรา มันพลิกชีวิตและความคิด จากคลิปนั้น มันทำให้มีเป้าหมายในชีวิตว่าอยากเป็นศิลปิน ก็เริ่มเอาเวลาไปแต่งเพลง แล้วก็ลงในโซเชี่ยลของตัวเอง จนกระทั่งวันหนึ่งได้มาเป็นนักร้อง แต่งเพลงเอง แต่ก็ยังไม่ค่อยมีกระแส จนมาเพลง ห่อหมกฮวก ที่ทำเล่น ๆ สนุก ๆ กับน้องเต๊ะ ตระกูล ต. ที่อยู่ค่ายสิงห์มิวสิค น้องเขาแต่ง เราทำทำนอง อัดลงเฟซบุ๊ก ปรากฏว่าเพลงดัง ก็มีชื่อเสียงขึ้นมาเพราะเพลงนี้ ซึ่งผมคิดว่าดนตรีมันพาเด็กบ้านนอกคนหนึ่งไปได้ไกลมาก และชีวิตผมก็เปลี่ยนไปมาก เราประสบความสำเร็จในขั้นหนึ่งแล้ว ที่พาชีวิตมาถึงจุดนี้ ได้เจอผู้คนมากมาย ครั้งแรกที่ดนตรีพาผมไปต่างประเทศ ซึ่งต้องขอบคุณดนตรีมาก เพราะดนตรีทำให้ชีวิตผมมีเป้าหมาย อยากฝากถึงน้อง ๆ ที่อยากเป็นศิลปิน คือต้องอย่าท้อ แค่มุ่งมั่นอาจไม่พอ เราต้องมีความอดทนด้วย จงเชื่อมั่นและมีความคิดเป็นของตัวเอง ผมอยากให้คนที่มีความฝัน ได้มีแรงฮึดขึ้นมา สำหรับผมนะ สุดท้ายแล้วชีวิตมันก็ทวนเข็มนาฬิกา สุขที่แท้จริงก็คือเรากลับมาอยู่ที่จุดเริ่มต้นที่เราวิ่งสตาร์ทออกมา ได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว ทำเศรษฐกิจพอเพียง อยู่แบบง่ายๆเหมือน ตอนเราเป็นเด็กๆ อยู่ในทุ่งนา ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่าชีวิตของคนๆ หนึ่งที่จะสูงขึ้นมาได้ มันต้องมีความ กตัญญูต่อคนที่อยู่รอบข้าง เหมือนกระดานหก เรานั่งอยู่คนเดียว แฟนคลับเขานั่งอีกฝั่ง แล้วดันเราขึ้นมา จากดิน เราก็ไม่ควรทรยศต่อความรักที่เขามี เพราะวันใดวันหนึ่งที่เขาปล่อยมือเรา หรือลุกจากกระดานหกของเราไปเราก็จะตกลงมา”